บางครั้งเป็นเพียงพูดจาหยาบคาย แต่ยังไม่ถึงกับเหลียวดูทิศต่างๆ บางครั้งทำให้เหลียวมองดูทิศต่างๆ แต่ไม่ถึงกับจับท่อนไม้หรืออาวุธ บางครั้งเพียงแค่เงื้อท่อนไม้หรืออาวุธขึ้น แต่ไม่ถึงกับทำร้ายกัน
บางครั้งก็ทำให้ถึงกับเลือดตกยางออก แต่ไม่ถึงกับให้เสียชีวิต และเมื่อความโกรธรุนแรงมากกว่านั้น ก็ทำให้ศัตรูเสียชีวิต และก็ทำตนให้เสียชีวิต มันจะรุนแรงขึ้นตามลำดับอย่างนี้
เหตุที่ทำให้ความโกรธเกิดขึ้นนั้น มี 10 ประการ คือ
1. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้นได้ทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ได้พูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจแก่เรามาก่อน
2. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้น กำลังทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก กำลังพูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจแก่เรา
3. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า ในวันข้างหน้าคนคนนั้นจะทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก หรือพูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจ เป็นทุกข์ใจแก่เรา
4. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้นได้ทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ได้พูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราเคารพรัก
5. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้นกำลังทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก กำลังพูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราเคารพรัก
6. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า ในวันข้างหน้าคนคนนั้น จะทำสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก หรือพูดคำอันไม่เป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราเคารพรัก
7. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้น ได้ทำสิ่งที่เป็นที่รัก ได้พูดคำอันเป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราไม่รัก ไม่เคารพ ไม่นับถือ
8. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า คนคนนั้น กำลังทำสิ่งที่เป็นที่รัก กำลังพูดคำอันเป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราไม่รัก ไม่เคารพ ไม่นับถือ
9. ความโกรธเกิดขึ้นเพราะคิดว่า ในวันข้างหน้าคนคนนั้นจะทำสิ่งที่เป็นที่รัก หรือพูดคำอันเป็นที่ชอบใจแก่คนที่เราไม่รัก ไม่เคารพ ไม่นับถือ
10. ความโกรธเกิดขึ้นในอัฏฐานะ หมายความว่า โกรธด้วยเหตุผลที่ไม่สมควรแก่ความโกรธ เช่น เดินไม่ระวังไปสะดุดก้อนหินก็โกรธ เดินไม่ระวังตกบันไดก็โกรธ เดินไปชนฝาหรือประตูก็โกรธ การโกรธในลักษณะดังกล่าวมานี้ ชื่อว่าโกรธในอัฏฐานะ
พระธนากร จิตฺตปญฺโญ