วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ความสุขเลือกได้



ขึ้นชื่อว่า "ความสุข" ใครๆ ก็ปรารถนาจะมี ปรารถนาจะได้ และปรารถนาจะดำรงอยู่ในความสุขตลอดไปด้วยกันทั้งนั้น "ความสุข" มีทั้ง "ความสุขกาย" จากการได้กินอิ่ม ได้ พักผ่อนนอนหลับหรือกล่าวรวมๆ ว่ามีความอยู่ดีกินดีและมีสุขภาพอนามัยดี มีทั้ง "ความสุขใจ หรือ ความสบายใจ" จากการที่ได้สมหวัง หรือ การได้ตามปรารถนา
"ความสุข" ดังที่กล่าวมานั้น จัดเป็นความสุขที่มีวัตถุเครื่อง ล่อใจ ชื่อว่า "สามิสสุข" ซึ่งมีลักษณะที่เป็นโทษโดยส่วนเดียว
เปรียบด้วยยาพิษ ก็มี เช่น สิ่งเสพติดมึนเมา ที่เป็นโทษ เมื่อเกินพอดี
เปรียบด้วยของมึนเมา ก็มี เช่น สุรา เมรัย การติดการละเล่น ติดเที่ยวกลางคืน การหมกมุ่นในกาม การติดการพนัน เป็นต้น
ที่เป็นอุปการะ เปรียบด้วยอาหาร และยาบำบัดโรค แต่ถ้าถูกใช้ในทางที่ผิดก็อาจให้โทษได้ ก็มี
อำนาจราชศักดิ์ อำนาจเงิน อำนาจพวกพ้อง ก็ช่วยให้เกิดความสุขความเจริญในทางโลกได้ แต่ถ้าใช้อำนาจเหล่านั้นผิดศีล ผิดธรรม ผิดกฎหมายของบ้านเมือง ก็มีโทษได้ เป็นต้น
"พาลชน" คือ คนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่พิจารณาให้เห็นคุณและโทษที่แท้จริงของสามิสสุข คือ ความสุขที่มีวัตถุเครื่องล่อใจเหล่านี้ บางคนจึงหลงเพลิดเพลินในสิ่งที่ให้โทษ บางคนหลงระเริงจนเกินพอดีในสิ่งที่อาจให้โทษ บางคนหลงติดอยู่ในสิ่งอันเป็นอุปการะ
บุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นคุณและโทษของสามิสสุขตามที่เป็นจริงเหล่านี้ จึงได้เสวยความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
ส่วน "บัณฑิต" ผู้มีปัญญาอันเห็นชอบ พิจารณาเห็นคุณและโทษของสามิสสุขโดยถ่องแท้ ย่อมรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความสุขความเจริญ คือ สามารถถือเอาประโยชน์สุขในปัจจุบัน ประโยชน์สุขในกาลข้างหน้า ทั้งสามารถถือเอาประโยชน์สุขอย่างยิ่งด้วย
ย่อมรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความเสื่อม เป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อน อันควรละเว้นด้วย และย่อมรู้โทษของการติดอยู่ใน สามิสสุข คือ ความสุขด้วยเครื่องล่อใจเหล่านั้นด้วย จึงเป็นผู้ถึงความสันติสุข คือ ความสุขด้วยความสงบอันถาวร
ผู้มีปัญญาอันเห็นชอบ ย่อมสามารถถือเอาประโยชน์สุขในปัจจุบันได้ ด้วยการปฏิบัติธรรม 4 ประการ คือ
1.ความถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร
2.ความถึงพร้อมด้วยการรักษาทรัพย์
3.การเลือกคบแต่คนดี มีสติปัญญาอันเห็นชอบเป็นมิตร
4.และรู้จักใช้สอยทรัพย์ที่ทำมาหาได้โดยสุจริต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น